พระวิษณุ (พระนารายณ์)มหาเทพผู้ปกปักรักษาโลกมนุษย์
พระวิษณุ หรือ พระนารายณ์ คือมหาเทพผู้ยิ่งใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งแห่งศาสนาพราหมณ์-ฮินดู เป็นหนึ่งใน 3 มหาเทพสูงสุด อันได้แก่ พระพรหม-พระวิษณุ-พระศิวะ
พระพรหม หรือ พระพรหมมา เป็นมหาเทพ ผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง
พระวิษณุ หรือ พระนารายณ์ เป็นมหาเทพ ผู้ดูแลรักษาทุกสรรพสิ่ง
พระศิวะ หรือ พระอิศวร เป็นมหาเทพ ผู้ทำลายทุกสรรพสิ่ง
มหาเทพทั้ง 3 พระองค์นี้ เมื่อรวมกันจะเรียกว่า พระตรีมูรติ องค์พระเป็นเจ้าแห่งพลังอำนาจทั้งสามประการ ผู้เป็นพระเป็นเจ้าแห่งสรรพชีวิตทั้งปวง
พระวิษณุ ทรงมีเทวานุภาพขจัดเหล่ามารและสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง พระองค์ทรงคุ้มครองทุกสรรพชีวิต ทรงบันดาลอำนาจวาสนาแก่มนุษย์ทุกคนที่ระลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ อสูรและเหล่ามารทุกตนล้วนแล้วแต่เกรงกลัวอานุภาพแห่งพระองค์
พระวิษณุยังอวตารไปเป็น พระกฤษณะ (มหาเทพผู้ให้กำเนิดคัมภีร์ภควัทคีตา ในมหากาพย์เรื่องมหาภารตะ)
อวตารไปเป็น พระราม (มหาเทพแห่งความยุติธรรม ในมหากาพย์รามายณะ หรือ รามเกียรติ์)
และ อวตารไปเป็น พระพุทธเจ้า (ก่อให้เกิดศาสนาพุทธในภายหลัง ตามปุราณะของศาสนาพราหมณ์)
พระวิษณุยังอวตารไปเป็นเทพเจ้าองค์อื่นๆ อีกถึง 10 ปาง (หรือ นารายณ์ 10 ปาง) และอวตารมากกว่า 10 ปางในบางปุราณะ เพื่อภารกิจปกป้องโลกมนุษย์จากอสูรชั่วร้าย
พระพรหม หรือ พระพรหมมา เป็นมหาเทพ ผู้สร้างทุกสรรพสิ่ง
พระวิษณุ หรือ พระนารายณ์ เป็นมหาเทพ ผู้ดูแลรักษาทุกสรรพสิ่ง
พระศิวะ หรือ พระอิศวร เป็นมหาเทพ ผู้ทำลายทุกสรรพสิ่ง
มหาเทพทั้ง 3 พระองค์นี้ เมื่อรวมกันจะเรียกว่า พระตรีมูรติ องค์พระเป็นเจ้าแห่งพลังอำนาจทั้งสามประการ ผู้เป็นพระเป็นเจ้าแห่งสรรพชีวิตทั้งปวง
พระวิษณุ ทรงมีเทวานุภาพขจัดเหล่ามารและสิ่งชั่วร้ายทั้งปวง พระองค์ทรงคุ้มครองทุกสรรพชีวิต ทรงบันดาลอำนาจวาสนาแก่มนุษย์ทุกคนที่ระลึกถึงพระองค์อยู่เสมอ อสูรและเหล่ามารทุกตนล้วนแล้วแต่เกรงกลัวอานุภาพแห่งพระองค์
พระวิษณุยังอวตารไปเป็น พระกฤษณะ (มหาเทพผู้ให้กำเนิดคัมภีร์ภควัทคีตา ในมหากาพย์เรื่องมหาภารตะ)
อวตารไปเป็น พระราม (มหาเทพแห่งความยุติธรรม ในมหากาพย์รามายณะ หรือ รามเกียรติ์)
และ อวตารไปเป็น พระพุทธเจ้า (ก่อให้เกิดศาสนาพุทธในภายหลัง ตามปุราณะของศาสนาพราหมณ์)
พระวิษณุยังอวตารไปเป็นเทพเจ้าองค์อื่นๆ อีกถึง 10 ปาง (หรือ นารายณ์ 10 ปาง) และอวตารมากกว่า 10 ปางในบางปุราณะ เพื่อภารกิจปกป้องโลกมนุษย์จากอสูรชั่วร้าย
พระวิษณุเทพ มีพระชายาคือ พระแม่ลักษมี พระแม่เจ้าผู้ประทานความอุดมสมบูรณ์ และความผาสุกแก่ผู้ศรัทธา ผู้ซึ่งคอยอยู่เคียงข้างพระวิษณุ และคอยอวตารไปเป็นชายาพระวิษณุในทุกๆภารกิจ
พระวิษณุ เป็นผู้ประทานแสงสว่างส่องกระจายไปยังทุกสากลโลก ทรงล่วงรู้ความเป็นไปทุกอย่าง ทรงล่วงรู้ความนึกคิดภายในจิตใจของสรรพชีวิต ทรงตัดสินปัญหาด้วยสำนึกอันสูงสุดแห่งพระเป็นเจ้า ทรงขจัดบาปและความขัดข้องแก่ผู้ปฏิบัติโยคะและนั่งสมาธิระลึกถึงพระองค์
พระวิษณุ เป็นผู้ประทานแสงสว่างส่องกระจายไปยังทุกสากลโลก ทรงล่วงรู้ความเป็นไปทุกอย่าง ทรงล่วงรู้ความนึกคิดภายในจิตใจของสรรพชีวิต ทรงตัดสินปัญหาด้วยสำนึกอันสูงสุดแห่งพระเป็นเจ้า ทรงขจัดบาปและความขัดข้องแก่ผู้ปฏิบัติโยคะและนั่งสมาธิระลึกถึงพระองค์
พระวิษณุ หรือ พระนารายณ์ มักปรากฎให้ประจักษ์ในรูปกายอันงดงามที่สุด ฉลองพระองค์ด้วยอาภรณ์สดใส สว่างราวกับทองคำ เรือนร่างประดับด้วยเครื่องถนิมพิมพาภรณ์อันวิจิตรตระการตา มีความอ่อนโยน ยิ้มแย้มอยู่เสมอ พระองค์โปรดการเอื้อเฟื้อ โปรดการมอบความสุขแก่มวลมนุษย์ พระองค์เป็นสัญลักษณ์แห่งความภูมิฐานและการชนะทุกสิ่ง
ที่ประทับของพระวิษณุ
สวรรค์ที่พระวิษณุประทับอยู่นั้น จะอยู่ในมหาสมุทร เรียกว่า เกษียรสมุทร อันเป็น ทะเลน้ำนม ร่วมกับพระชายา (พระแม่ลักษมี) พระองค์จะประทับอยู่ที่นั่นเสมอ และคอยรับฟังปัญหาต่างๆ จากเหล่าฤาษี เทวดา และมนุษย์ ทั้งพระวิษณุและพระแม่ลักษมี จะอยู่เคียงข้างกับผู้ประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดีเสมอ
สวรรค์ที่พระวิษณุประทับอยู่นั้น จะอยู่ในมหาสมุทร เรียกว่า เกษียรสมุทร อันเป็น ทะเลน้ำนม ร่วมกับพระชายา (พระแม่ลักษมี) พระองค์จะประทับอยู่ที่นั่นเสมอ และคอยรับฟังปัญหาต่างๆ จากเหล่าฤาษี เทวดา และมนุษย์ ทั้งพระวิษณุและพระแม่ลักษมี จะอยู่เคียงข้างกับผู้ประพฤติปฏิบัติตนเป็นคนดีเสมอ
สัตว์บริวาร
1. พญาครุฑ เป็น พาหนะบริวาร พระวิษณุจะทรงพญาครุฑไปทุกหนทุกแห่ง ยามเสด็จในภารกิจต่างๆ
2. พญานาค เป็น บัลลังค์บริวาร
พระวิษณุจะประทับบนพญานาค ณ เกษียรสมุทร
ในยามว่าง หรือ ขณะบรรทม
1. พญาครุฑ เป็น พาหนะบริวาร พระวิษณุจะทรงพญาครุฑไปทุกหนทุกแห่ง ยามเสด็จในภารกิจต่างๆ
2. พญานาค เป็น บัลลังค์บริวาร
พระวิษณุจะประทับบนพญานาค ณ เกษียรสมุทร
ในยามว่าง หรือ ขณะบรรทม
ศาสตราวุธ
หรือ อาวุธ แห่งพระวิษณุ ที่ปรากฎให้เห็นบ่อยที่สุด ได้แก่
1. หอยสังข์
2. จักร
3. คฑา
4. พระขรรค์
5. ลูกศร, ธนู
6. ดอกบัว
นิกาย
นิกายที่นับถือพระวิษณุเป็นใหญ่สูงสุด คือ นิกายไวษณพ และในไวษณพนิกายนี้ ยังแบ่งออกเป็นนิกายที่ยิ่งใหญ่อีก 3 นิกายหลักๆ จากหลายร้อยนิกาย คือ
1. นิกายที่นับถือพระวิษณุในตัวพระองค์เอง และทุกๆอวตารของพระองค์
2. นิกายที่นับถือพระวิษณุในอวตาร พระกฤษณะ เป็นพิเศษ (ศึกษาคัมภีร์ภจากมหากาพย์มหาภารตะ)
3. นิกายที่นับถือพระวิษณุในอวตาร พระราม เป็นพิเศษ (ศึกษาคัมภีร์จากมหากาพย์รามายณะ)
4. นิกายที่นับถือพระวิษณุในอวตาร พระพุทธเจ้า เป็นพิเศษ (ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า)
นิกายที่นับถือพระวิษณุเป็นใหญ่สูงสุด คือ นิกายไวษณพ และในไวษณพนิกายนี้ ยังแบ่งออกเป็นนิกายที่ยิ่งใหญ่อีก 3 นิกายหลักๆ จากหลายร้อยนิกาย คือ
1. นิกายที่นับถือพระวิษณุในตัวพระองค์เอง และทุกๆอวตารของพระองค์
2. นิกายที่นับถือพระวิษณุในอวตาร พระกฤษณะ เป็นพิเศษ (ศึกษาคัมภีร์ภจากมหากาพย์มหาภารตะ)
3. นิกายที่นับถือพระวิษณุในอวตาร พระราม เป็นพิเศษ (ศึกษาคัมภีร์จากมหากาพย์รามายณะ)
4. นิกายที่นับถือพระวิษณุในอวตาร พระพุทธเจ้า เป็นพิเศษ (ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้า)
พระวิษณุหรือพระนารายณ์ คือมหาเทพที่ชาวไทยสามารถเห็นได้บ่อยที่สุดและมากที่สุด ในภาพเขียนศิลปะตามประตูและผนังวัดต่างๆ เนื่องจากพระวิษณุเป็นมหาเทพที่กษัตริย์ ราชาในอดีต ทั้งอินเดีย เนปาล พม่า กัมพูชาและไทย ทรงมีพระราชศรัทธามากกว่าเทพองค์อื่นๆ
ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นต้นมา เมื่อเราเขาไปยังวัดต่างๆและมองขึ้นไปบนหน้าบัน ก็มักจะเห็นรูปปั้นหรือภาพเขียน พระนารายณ์ทรงครุฑ (หรือ นารายณ์ทรงสุบรรณ) และตัวละครในเรื่อง รามเกียรติ์ อยู่แทบจะทุกแห่ง รวมทั้ง หนุมาน เทพ เทวดา ฤาษี และ ยักษ์ ที่เฝ้าประตูวัดทุกแห่งในประเทศไทย ก็ล้วนแล้วแต่เป็นยักษ์ในมหากาพย์เรื่องรามเกียรติ์ทั้งสิ้น
ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นต้นมา เมื่อเราเขาไปยังวัดต่างๆและมองขึ้นไปบนหน้าบัน ก็มักจะเห็นรูปปั้นหรือภาพเขียน พระนารายณ์ทรงครุฑ (หรือ นารายณ์ทรงสุบรรณ) และตัวละครในเรื่อง รามเกียรติ์ อยู่แทบจะทุกแห่ง รวมทั้ง หนุมาน เทพ เทวดา ฤาษี และ ยักษ์ ที่เฝ้าประตูวัดทุกแห่งในประเทศไทย ก็ล้วนแล้วแต่เป็นยักษ์ในมหากาพย์เรื่องรามเกียรติ์ทั้งสิ้น
นารายณ์ 10 ปาง...อวตารแห่งพระวิษณุในยุคต่างๆ
ยุคที่ 1 : กฤดายุค
(มนุษย์ตั้งอยู่ในศีลธรรม ประพฤติตนเป็นคนดี มีจิตสำนึก พระวิษณุจึงปรากฎวรรณะเป็นสีขาว)
1. มัตสยาวตาร - อวตารเป็นปลาใหญ่
ปราบสังขอสูร หรือ หัยครีพอสูร ผู้ขโมยคัมภีร์พระเวทของพระพรหมไปในขณะที่พระพรหมบรรทม
ยุคที่ 1 : กฤดายุค
(มนุษย์ตั้งอยู่ในศีลธรรม ประพฤติตนเป็นคนดี มีจิตสำนึก พระวิษณุจึงปรากฎวรรณะเป็นสีขาว)
1. มัตสยาวตาร - อวตารเป็นปลาใหญ่
ปราบสังขอสูร หรือ หัยครีพอสูร ผู้ขโมยคัมภีร์พระเวทของพระพรหมไปในขณะที่พระพรหมบรรทม
2. กูรมาวตาร - อวตารเป็นเต่ายักษ์
หรือ กัจฉปาวตาร อวตารเพื่อปราบอสูรมัจฉา ที่คิดจะทำลายเขาพระสุเมรุให้พังทลาย
หรือ กัจฉปาวตาร อวตารเพื่อปราบอสูรมัจฉา ที่คิดจะทำลายเขาพระสุเมรุให้พังทลาย
3. วราหาวตาร - อวตารเป็นหมูป่า
ปราบอสูรนาม เหรัญยักษ์ ผู้ต้องการม้วนแผ่นดินไปทิ้งบาดาล
ปราบอสูรนาม เหรัญยักษ์ ผู้ต้องการม้วนแผ่นดินไปทิ้งบาดาล
4. นรสิงหาวตาร - อวตารเป็นมนุษย์กึ่งสิงห์
ปราบหิรัณตะอสูร ผู้ก่อกวนให้ทวยเทพเกิดความไม่สงบสุขบนสวรรค์
ยุคที่ 2 : ไตรดายุค
(ศีลธรรมของมนุษย์ลดลงไป 1 ใน 4 ส่วน พระวิษณุจึงปรากฎวรรณะเป็นสีแดง)
5. วามนาวตาร - อวตารเป็นพราหมณ์เตี้ย
หรือ ทวิชาวตาร คือ พราหมณ์ร่างเตี้ย เพื่อปราบ ตะวันตาอสูร ผู้ก่อกวนรังแกมนุษย์และสรรพสัตว์
ปราบหิรัณตะอสูร ผู้ก่อกวนให้ทวยเทพเกิดความไม่สงบสุขบนสวรรค์
ยุคที่ 2 : ไตรดายุค
(ศีลธรรมของมนุษย์ลดลงไป 1 ใน 4 ส่วน พระวิษณุจึงปรากฎวรรณะเป็นสีแดง)
5. วามนาวตาร - อวตารเป็นพราหมณ์เตี้ย
หรือ ทวิชาวตาร คือ พราหมณ์ร่างเตี้ย เพื่อปราบ ตะวันตาอสูร ผู้ก่อกวนรังแกมนุษย์และสรรพสัตว์
6. ปรศุรามาวตาร - อวตารเป็นพราหมณ์ถือขวาน
อวตารเพื่อปราบกษัตริย์การตวิรยะ ผู้ก่อกวนเหล่าพราหมณ์
ยุคที่ 3 : ทวาบรยุค
(ศีลธรรมของมนุษย์ลดลงไปเป็น 2 ใน 4 ส่วน พระวิษณุจึงเปลี่ยนวรรณะเป็นสีเหลือง)7. รามาวตาร - อวตารเป็นพระรามในมหากาพย์รามายณะ หรือ รามเกียรติ์
อีกพระนาม คือ รามจันทราวตาร อวตารเพื่อปราบ ยักษ์ทศกัณฐ์
อวตารเพื่อปราบกษัตริย์การตวิรยะ ผู้ก่อกวนเหล่าพราหมณ์
ยุคที่ 3 : ทวาบรยุค
(ศีลธรรมของมนุษย์ลดลงไปเป็น 2 ใน 4 ส่วน พระวิษณุจึงเปลี่ยนวรรณะเป็นสีเหลือง)7. รามาวตาร - อวตารเป็นพระรามในมหากาพย์รามายณะ หรือ รามเกียรติ์
อีกพระนาม คือ รามจันทราวตาร อวตารเพื่อปราบ ยักษ์ทศกัณฐ์
8. กฤษณาวตาร - อวตารเป็นพระกฤษณะ
ในมหากาพย์มหาภารตะ และ คัมภีร์ภควัทคีตา
ปราบท้าวพาณาสูร และปราบอสูรนามพญากงส์ เป็นสารถีขับรถม้าให้แก่ อรชุน ในสงคราม ณ ทุ่งคุรุเกษตร
ยุคที่ 4 : กลียุค (ยุคปัจจุบัน)
(ศีลธรรมของมนุษย์ลดลงไปเป็น 3 ใน 4 ส่วน พระวิษณุจึงเปลี่ยนวรรณะเป็นสีดำ)
9. พุทธาวตาร - อวตารเป็นพระพุทธเจ้า (จนถึงยุคปัจจุบัน)
อวตารเพื่อเอาศิวลึงก์คืนมาจากท้าวตรีปุรัม ปราบท้าววัสดีมาร และเพื่อมาประทานธรรมะแก่ชาวโลก
ในมหากาพย์มหาภารตะ และ คัมภีร์ภควัทคีตา
ปราบท้าวพาณาสูร และปราบอสูรนามพญากงส์ เป็นสารถีขับรถม้าให้แก่ อรชุน ในสงคราม ณ ทุ่งคุรุเกษตร
ยุคที่ 4 : กลียุค (ยุคปัจจุบัน)
(ศีลธรรมของมนุษย์ลดลงไปเป็น 3 ใน 4 ส่วน พระวิษณุจึงเปลี่ยนวรรณะเป็นสีดำ)
9. พุทธาวตาร - อวตารเป็นพระพุทธเจ้า (จนถึงยุคปัจจุบัน)
อวตารเพื่อเอาศิวลึงก์คืนมาจากท้าวตรีปุรัม ปราบท้าววัสดีมาร และเพื่อมาประทานธรรมะแก่ชาวโลก
10. กัลกยาวตาร - อวตารเป็นพระกัลกิ หรือ บุรุษผู้ขี่ม้าขาว
( ยังไม่อวตาร จะมาปรากฎในอนาคต)
บุรุษขี่ม้าขาว ยังไม่ปรากฎในปัจจุบัน โดยพระองค์จะอวตารมาในอนาคต
ทำนองเดียวกับพระศรีอาริยเมตไตยในศาสนาพุทธ
( ยังไม่อวตาร จะมาปรากฎในอนาคต)
บุรุษขี่ม้าขาว ยังไม่ปรากฎในปัจจุบัน โดยพระองค์จะอวตารมาในอนาคต
ทำนองเดียวกับพระศรีอาริยเมตไตยในศาสนาพุทธ
แท่นบูชาพระวิษณุ
โต๊ะ หิ้ง หรือแท่นบูชาพระวิษณุ ควรปูด้วยผ้า สีทอง สีเหลือง สีแดง หรือสีขาว (ห้ามสีดำล้วน ถ้าสีดำควรมีลายทอง) เครื่องบูชาถ้าเป็นโลหะควรเป็นสีทอง ถ้าเป็นหินอ่อนควรเป็นสีขาว เช่น เชิงเทียนควรทำจากโลหะทองเหลือง หรือกระถางธูปควรเป็นหินอ่อน (แต่ก็เป็นในแง่ของสัญลักษณ์และความหมายเท่านั้น หากจัดหาไม่ได้ก็ให้จัดวัสดุหรือสีอื่นทดแทนได้)
ดอกไม้บูชาพระวิษณุ
พระองค์โปรดดอกไม้ทุกชนิด และเป็นพิเศษคือ ดอกบัว ดอกดาวเรือง ดอกกุหลาบ ดอกกล้วยไม้ ทุกสีทุกพันธ์
ธูป กำยาน เครื่องหอม
แนะนำให้ใช้กลิ่น มะลิ ไม้จันทน์ หรือ ไม้กฤษณา ควรเผากำยานหอมถวายเป็นประจำ สามารถใช้กำยานจุดแทนธูปได้ น้ำมันหอมระเหยแบบอะโรมากลิ่นต่างๆก็สามารถใช้ได้เช่นกัน
เทศกาลสำคัญสำหรับพระวิษณุ
วันบูชาพระวิษณุเรียกว่า วันเอกาดาศี (Ekadashi) ตรงกับวันขึ้นและแรม 11 ค่ำของทุกๆเดือน ปีหนึ่งจึงมีวันเอกาดาศี รวมเป็นจำนวน 24 วัน และใน 24 วันนี้จะมีอยู่วันหนึ่งเป็นวันพิเศษ ชื่อว่า วันนิรจาลา เอกาดาศี (Nirjala Ekadashi) ในวันนี้ศาสนิกชนชาวฮินดู ทั้งผู้นับถือพระวิษณุ และผู้นับถือพระศิวะและพรพรหม จะอดอาหารและน้ำทั้งวัน เพื่อจัดพิธีบูชาพระวิษณุอย่างยิ่งใหญ่ มีการถวายน้ำ ปัญจมาริตา (Panjamarita) คือ น้ำนมสด เนยสด นมเปรี้ยว น้ำผึ้ง และน้ำตาล มีการถวายหญ้าแพรกและดอกไม้นับหมื่นนับแสนดอก เทวาลัยและวัดต่างๆมีกลิ่นหอมตลบอบอวลไปด้วยธูป กำยาน เครื่องหอมนานาชนิด สวดบูชาและท่องมหามนต์แห่งพระวิษณุตลอดคืน จนถึงเช้าตรู่ของอีกวันก่อนการสวดบูชาต่อพระวิษณุ
ต้องสวดมนต์ต่อพระพิฆเนศก่อนเสมอ
เมื่อได้กระทำการสวดบูชาพระวิษณุด้วยจิตที่ตั้งมั่นและหมั่นทำความดีอยู่เสมอ พระองค์จะประทานความสุข ความสำเร็จในหน้าที่การงาน เป็นพระเจ้าผู้ช่วยเหลือให้ผู้บูชาฟันฝ่าอุปสรรค ช่้วยแก้ไขปัญหา ประทานอำนาจบารมี และคุ้มครองชีวิตให้ปลอดภัย
บทสวดมนต์พระวิษณุนารายณ์นั้นมีหลายบท ให้เลือกสวดได้ดังต่อไปนี้
- โอม นะโม นารายะนา ยะนะมะฮา- โอม ศรี นารายณ์ โอม
- โอม วิษณุ เวนะมะ
- โอม นารายะนา เวนะมะ
- โอม นารายะนายะ นะมัส สวาฮา
- โอม วิษวา มิทรา ปริยายะ นะมะฮา
- โอม ชยะ ศรี วิษณุ รามะ กฤษณา ยะนะมะฮา
- โอม นะโม นารายะณา นามะ ภะวันตุเม
ทุติยัมปิ นะโม นารายะณา นามะ ภะวันตุเม
ตะติยัมปิ นะโม นารายะณา นามะ ภะวันตุเม
- โอม ศรี วิษณุ นะโม นะมะฮา
โอม ศรี กฤษณา นะโม นะมะฮา
โอม ศรี รามจันทรา นะโม นะมะฮา
โอม มหา นารายะนา นะโม นะมะฮา
- โอม ศานตะการัม ภุชะคะศายะนัม ปัทมานาภัมสุ เรศัม วิศวาธารัม คะคานะสัทฤศัม เมฆาวารณัม ศุภางคัม
ลักษมีกานธัม กามะลานะยานัม
โยคิภีร์ ธยานะกัมยัม วันเทวิษณุม
ภวะภยาะหารัม สารวา โลกัยนาธาฮัมฯ
- โอม เมกาศยามัม ปีธา เกาเสยา สาสัม
ศรีวาธสางกัม เกาสะธูโภธะบา อสิธางกัม
ปัญโญเภธัม ปัญดารีกายาธะศากัม
วิษณุม วันเท สารวาโลกัยกา นาถัม
- โอม สะศางขะจักรัม สะกิริตะ กุณตะลัม สปิตะวัสตรัม สะระสีรูเหกษณัม สะหาระวักษะสถะละ เกาสตุภะ ศริยัม นะมามิ วิษณุม ศิระสา จตุรภุซัมฯ
- โอม หะระติทิสะ นารายะณะเทวะตา
สะหะคะณะปะริวารายะ อาคัจฉันตุ ปะริกุญชะตุ สะวาหะ สะวาหายะ
โอม สัพพะอุปาทะวะ สัพพะทุกขะ สัพพะโสกะ สัพพะโรคะ สัพพะภะยะ
สัพพะอุปัททะวะ สัพพะศัตรู
วินาสายะ ปะมุจจันติ โอม นารายะณเทวะตา
สะทา รักขะตุ สะวาหะ สะวาหายะ
- โอม นารายะนายะ วิดมาเฮ
วะสุเดวายะ ดีมาฮี / ตันโณ วิษณุ ประโจดะยาต
(บูชาพระวิษณุ)
- โอม ดาสาราธาแย วิดเมเฮ
สิทา วัลลาภายะ ดีมาฮี / ตันโณ รามะ ประโจดะยาต
(บูชาอวตารพระราม)
- โอม ดาโมธาราเย วิดเมเฮ
รุขะมณี วัลลาภายะ ดีมาฮี / ตันโณ กฤษณา ประโจดะยาต
(บูชาอวตารพระกฤษณะ)
- โอม ศรี วิษณุ / ชยะ วิษณุ / ชยะ ชยะ วิษณุ
โอม ศรี รามา / ชยะ รามา / ชยะ ชยะ รามา
โอม ศรี กฤษณา / ชยะ กฤษณา / ชยะ ชยะ กฤษณา
(บูชาพระวิษณุ พระราม พระกฤษณะ)
ขอบคุณข้อมูลจาก http://www.siamganesh.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น